Tuesday, October 30, 2007

9 ปี ของสังคมไทยกับความเข้าใจเศรษฐกิจพอเพียง

เมื่อเร็วๆ นี้ ผมได้รับรายงานการวิจัยเรื่องการสังเคราะห์งานวิจัย ข้อเขียน และบทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง โดยสถาบันการจัดการเพื่อชนบทและสังคม มูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เอกสารฉบับนี้เป็นความพยายามที่จะเรียนรู้เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงจากงานวิจัย ข้อเขียน และบทความจำนวน 204 ชิ้นในช่วงเวลา 9 ปี (2542-2550) ทั้งมิติทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การบริหารจัดการ การศึกษา ตลอดจนมิติที่เกี่ยวกับกฎหมาย สุขภาพ และสิ่งแวดล้อม

งานวิจัยส่วนใหญ่ได้ชี้ให้เห็นว่า เศรษฐกิจพอเพียงเป็นเรื่องที่มีอยู่ดั้งเดิมในสังคมไทย มีพื้นฐานมาจากศาสนธรรมและวิถีความเป็นอยู่ของชาวไทย ในข้อเขียนและบทความต่างๆ ได้มีความพยายามที่จะเปรียบเทียบเศรษฐกิจพอเพียงกับเศรษฐศาสตร์กระแสหลักหรือที่บางครั้งเรียกกันว่าระบบทุนนิยม มีความพยายามที่จะอธิบายปัญหาเศรษฐกิจที่ดำรงอยู่จากมุมมองของเศรษฐกิจพอเพียง ในแง่ที่เป็นทั้งเศรษฐกิจเชิงมหภาค การเกษตรและชนบท อุตสาหกรรมและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ตลอดจนการเผยแพร่กรณีศึกษาของกลุ่มที่มีการปฏิบัติตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ตั้งแต่ระดับปัจเจกบุคคล ครัวเรือน องค์กรธุรกิจ ชุมชน ไปจนถึงระดับประเทศ รวมทั้งมีความพยายามในการสร้างตัวบ่งชี้เพื่อใช้วัดความเป็นเศรษฐกิจพอเพียงในระดับต่างๆ

ในด้านการเมืองและการปกครองตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ได้มีความพยายามที่จะเชื่อมโยงยุทธศาสตร์การเมืองและการปกครองเข้ากับการบริหารราชการส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น ขณะที่ในด้านการศึกษายังปรากฏถึงความไม่เข้าใจในการประยุกต์เศรษฐกิจพอเพียงเข้ากับการศึกษาอยู่มากพอสมควร

ส่วนในด้านกฎหมายได้มีความพยายามในการผลักดันกฎหมายและกฎระเบียบต่างๆ เพื่อสนับสนุนการปรับทิศทางของประเทศไปสู่แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ในด้านสุขภาพมักเป็นเรื่องของการให้บริการด้านสุขภาวะองค์รวมโดยเน้นที่คุณธรรมและจริยธรรมเพื่อความสุขของทั้งผู้ให้และผู้รับบริการ และในด้านสิ่งแวดล้อมจะอยู่ภายใต้เรื่องของการพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นส่วนใหญ่

ในการทบทวนวรรณกรรมครั้งนี้ ยังไม่พบงานวิจัยที่ศึกษาบทบาทของครอบครัว สถาบันศาสนาในการพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรม แม้จะมีการศึกษาบทบาทของสถาบันการศึกษาในการดำเนินกิจกรรมที่มีรูปแบบสอดคล้องกับหลักการเศรษฐกิจพอเพียง แต่ก็ยังไม่สามารถสรุปได้ว่ากิจกรรมดังกล่าว มีผลในการพัฒนาทางความคิดและความรู้คู่คุณธรรม ได้อย่างมีนัยสำคัญหรือไม่

ส่วนการศึกษาในระดับครัวเรือนจะเป็นการศึกษาลักษณะการเป็นเศรษฐกิจพอเพียง และผลลัพธ์ที่เน้นความพอเพียงมากกว่าศึกษาผลกระทบในแง่การถ่ายทอดแนวคิดดังกล่าว สู่สมาชิกรุ่นใหม่ในครัวเรือนหรือการสร้างผลกระทบในแง่การเป็นตัวอย่างต่อเพื่อนบ้าน

ขณะที่สถาบันดั้งเดิมคือ ครอบครัวและวัดอ่อนแอลง ส่วนสถาบันการศึกษาก็เป็นสถาบันที่มีรูปแบบที่ไม่กลมกลืนกับวิถีชุมชนนัก การศึกษาวิจัยในระดับชุมชนกลับพบว่ากิจกรรมและกระบวนการในระดับกลุ่มชุมชน สามารถมีผลต่อการสร้างการเรียนรู้และการปรับพฤติกรรมของสมาชิกในกลุ่มหรือชุมชนได้ แต่ในอนาคตหากสถานศึกษาจะพัฒนาหลักสูตรและกิจกรรมการเรียนการสอน ไปในแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงเพิ่มมากขึ้น เหมือนเช่นที่มีการริเริ่มดำเนินการในการศึกษาทุกระดับอยู่แล้ว

ในขณะนี้ข้อเชื่อมต่อที่ยังไม่ปรากฏความเข้มแข็งอย่างชัดเจน คือ วัด ถ้ายังไม่สามารถสร้างสถาบันวัดให้เข้มแข็งด้วยระบบการศึกษาของพระสงฆ์ได้ในระยะปานกลาง อาจจะต้องอาศัยชุมชนเป็นหลัก และถ้าทิศทางของการพัฒนาสถาบันศึกษาในแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงยังไม่เปลี่ยนแปลง อาจจะพึ่งสถาบันการศึกษาได้บ้างในระยะปานกลาง

การทบทวนวรรณกรรมในส่วนเกี่ยวข้องกับภาคเศรษฐกิจสมัยใหม่ ที่สามารถประยุกต์ใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงได้ พบว่า การพัฒนาองค์ความรู้ในด้านนี้ยังจำกัดอยู่มาก ส่วนมากจะเป็นการศึกษาภาคเกษตรและชนบทกับเกษตรทฤษฎีใหม่ แม้ว่าจะมีการยกตัวอย่างบริษัทธุรกิจเอกชนที่มีแนวคิดและปฏิบัติสอดคล้องกับเศรษฐกิจพอเพียง แต่ก็เป็นการศึกษาเชิงบรรยายที่ไม่ได้สร้างผลกระทบในเชิงวิชาการมากนัก

ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีการศึกษาในมิติการพัฒนาที่ยั่งยืนอยู่มากพอสมควร ทั้งโดยนักเศรษฐศาสตร์ (ที่คำนวณดัชนีชี้วัด ISEW และคำนวณ GREEN GDP ที่สะท้อนต้นทุนสิ่งแวดล้อมในการคำนวณสวัสดิการสังคมและในการคำนวณผลผลิตมวลรวมประชาชาติ ตามลำดับ) และนักมานุษยวิทยา (ที่ให้ความสำคัญกับบทบาทของชุมชนในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ) ส่วนการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับสนธิสัญญาระหว่างประเทศก็กำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการ

อย่างไรก็ดี มีคำถามว่า การพัฒนาที่ยั่งยืนมีแนวคิดที่ต่างจากปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง หรือไม่อย่างไร คำตอบในเรื่องนี้อยู่ที่ข้อเท็จจริงที่ว่าการพัฒนาที่ยั่งยืนที่พัฒนามาจากตะวันตก ยังมิได้เน้นมิติของจริยธรรม ซึ่งเป็นศาสตร์หนึ่งของจริยธรรมที่ว่าด้วยสิ่งแวดล้อม (ENVIRONMENTAL ETHICS) และงานศึกษาวิจัยของไทยในมิติที่ผสมผสานแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืนบนพื้นฐาน พุทธเศรษฐศาสตร์และจริยธรรมสิ่งแวดล้อมก็ยังมีจำกัด

หลังการทบทวนงานวิจัย ข้อเขียน และบทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงเกือบทศวรรษหลังจากวิกฤติเศรษฐกิจ พบว่า เรายังไม่สามารถสร้างองค์ความรู้เพิ่มเติมขึ้นเพียงพอที่จะตอบโจทย์เหล่านี้ได้อย่างชัดเจน รวมทั้งยังมีองค์ความรู้จำกัดที่จะช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อตอบวัตถุประสงค์ของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 10 จึงยังคงมีความจำเป็นที่จะต้องส่งเสริมให้มีการพัฒนาความรู้ด้านนี้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ควรมีการจัดทำดัชนีชี้วัดความเป็นเศรษฐกิจพอเพียงของประเทศในระดับต่างๆ โดยในระหว่างการจัดทำนี้ หากพบว่ายังมีความรู้ในเรื่องใดที่ยังมีความไม่กระจ่างชัด และสามารถหาคำตอบได้ด้วยงานวิจัย ก็ควรส่งเสริมให้มีการจัดทำวิจัยในเรื่องนั้นๆ เพิ่มเติม พร้อมกับการลงมือปฏิบัติอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ โดยงานวิจัยในส่วนที่เป็นการพัฒนาทฤษฎีที่เป็นผลจากการปฏิบัติจริงจะเป็นสิ่งที่มีคุณค่ายิ่งต่อการนำไปใช้พัฒนาสังคมและประเทศในวงกว้าง... (จากคอลัมน์ พอเพียงภิวัตน์) External Link

No comments: