Tuesday, January 15, 2008

อย่าให้นวนิยายกลายเป็นเรื่องจริง

เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ผมได้มีโอกาสไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี เป็นระยะเวลาสั้นๆ ราวหนึ่งสัปดาห์ โดยสิ่งที่นำติดตัวกลับมาด้วย นอกเหนือจากความรู้และประสบการณ์ที่หาไม่ได้ในทางโลกแล้ว ยังเป็นหนังสือธรรมะจำนวนอีกหลายเล่ม และหนึ่งในเล่มนั้นเป็นของ ดร.สุจิตรา อ่อนค้อม ผู้เขียนที่ใช้นามปากกาว่า สุทัสสา อ่อนค้อม หนังสือเล่มนั้นมีชื่อว่า "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"

หนังสือเล่มนี้เป็นนวนิยายอิงธรรมะที่มีการอ้างอิงถึงตัวบุคคล เหตุการณ์ และสถานที่ซึ่งเข้าใจเองว่า มีเค้าโครงมาจากเรื่องจริง แต่บอกเล่าโดยใช้ชื่อและสถานที่ที่สมมติขึ้น ครั้นได้อ่านจบ มีอยู่เหตุการณ์หนึ่งในนวนิยายที่ทำนายว่าจะเกิดขึ้นในปี 2551 โดยเนื้อหาที่ยกมานี้เป็นบทสนทนาที่เกิดขึ้นราวปลายปี 2516 ระหว่างท่านพระครูเจริญซึ่งกำลังสอนเดินจงกรมระยะที่สามให้พระบัวเฮียว และบรรดาครูที่มาจากนครสวรรค์ กับรัฐมนตรีและคุณหญิงพร้อมคณะผู้ติดตาม

"เจริญพร ท่านรัฐมนตรีไปยังไงมายังไงจึงมาถึงที่นี่ได้" ท่านพระครูทักทาย ได้ยินเขาลือกันว่า คนนี้แหละที่จะนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนต่อไป

"กระผมได้ยินกิตติศัพท์ของพระคุณเจ้ามานาน บังเอิญมาธุระแถวนี้ก็เลยแวะมากราบท่านครับ" รัฐมนตรีตอบ

"แล้วเหตุการณ์ทางกรุงเทพฯ เป็นยังไง ยังไม่เรียบร้อยไม่ใช่หรือ" ท่านพระครูหมายถึงเหตุการณ์วันมหาวิปโยคซึ่งเพิ่งผ่านมาสดๆ ร้อนๆ

"ก็เรื่องนี้แหละครับที่กระผมจะมาเรียนปรึกษาพระคุณเจ้า เอ้อ พระคุณเจ้ามีความคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น" ท่านพระครูนิ่งไปอึดใจหนึ่งจึงพูดขึ้นว่า

"ความจริงเรื่องการเมืองมันเป็นเรื่องทางโลก อาตมาเป็นพระสงฆ์ไม่อยากจะออกความเห็น แต่เอาเถอะ ไหนๆ ท่านก็ถามแล้ว อาตมาก็ขอตอบว่ามันเป็นเรื่องของกฎแห่งกรรม คราวนี้แหละคนจะได้เชื่อกันเสียทีว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ยัง ยังไม่จบเพียงนี้หรอก จำคำพูดของอาตมาไว้นะครูใหญ่นะ" ท่านหันไปพูดกับครูสฤษดิ์

"ถ้าไม่เชื่อกลับไปถึงบ้านแล้วจดบันทึกไว้เลยว่า วันที่เท่านี้ เดือนนี้ พ.ศ.นี้ อาตมาพูดว่าอย่างนี้ๆ แล้วถ้าไม่จริงตามที่อาตมาพูดให้มาปรับอาตมาได้ อาตมาจะให้ปรับสองหมื่นบาท" ท่านพูดยิ้มๆ

"นะครูใหญ่นะ"

"ครับ" ครูใหญ่รับคำด้วยไม่รู้จะพูดอะไรให้ดีไปกว่านั้น

"ดีแล้ว เอาละ อาตมาไม่ใช่หมอดู แต่ก็จะทำนายว่าอีกสามปีนับจากนี้ไปจะเกิดเหตุการณ์แบบเดียวกับวันมหาวิปโยคอีก และอีกสิบห้าปีคือ ปีสองพันห้าร้อยสามสิบเอ็ดจะเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ขึ้นที่ภาคใต้ น้ำจะท่วมถึงยอดตาล วัดวาอารามจะพังพินาศ คนจะล้มตายเป็นจำนวนมาก ต่อจากนั้นอีกยี่สิบปีแผ่นดินจะถูกต่างชาติเข้ายึดครอง คนไทยจะไม่มีแผ่นดินอยู่ ทุกอย่างที่กล่าวมานี้เป็นไปตามกฎแห่งกรรม อย่าลืมไปบันทึกเอาไว้ ถ้าไม่จริงอาตมายอมให้ปรับ"

นิ่งไปครู่หนึ่งจึงถามครูบุญมีว่า

"โยมเคยเห็นทะเลน้ำไหม"

"เคยครับ" ครูบุญมีตอบ

"ทะเลทรายล่ะ"

"ไม่เคยครับ"

"ท่านรัฐมนตรีเคยเห็นทะเลทรายไหม"

"เคยครับ" รัฐมนตรีตอบ

"นั่นแหละ ปกติเราคิดว่ามีแต่ทะเลน้ำกับทะเลทราย แต่อีกสิบห้าปีจะมีทะเลซุง"

"เป็นยังไงคะทะเลซุง" คุณหญิงถามพลางนึกในใจว่า "พระองค์นี้พูดบ้าๆ" แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อท่านพระครูตอบว่า

"ไม่บ้าหรอกคุณหญิง เอาเถอะ ถึงเวลานั้นคุณหญิงจะรู้เองว่าทะเลซุงมันเป็นอย่างไร"

คุณหญิงจึงแอบคิดต่อไปอีกว่า "แน่ะเสือกรู้เสียอีกว่าเราคิดยังไง"

คราวนี้ท่านพระครูถึงกับอึ้ง ถ้อยคำที่คุณหญิงใช้นั้นหยาบเกินกว่าจะยอมให้มันออกมาจากปากของท่าน เห็นท่านไม่โต้ตอบ คุณหญิงเลยคิดว่าท่านไม่รู้

"ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นครับหลวงพ่อ" ครูใหญ่ถาม

"ก็อย่างที่อาตมาบอกเมื่อตะกี้นั่นแหละว่า มันเป็นไปตามกฎแห่งกรรม ครูใหญ่อย่าลืมนะว่า พระพุทธองค์ท่านสอนเรื่องกรรมไว้ว่าอย่างไร ท่านสอนว่า...กมฺมุนา วตฺตตี โลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม...เอาละ แล้วทุกคนที่นั่งอยู่ ณ ที่นี้ก็จะได้ประจักษ์เมื่อเวลานั้นมาถึง"

ด้วยเหตุที่หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2535 จึงทำให้เหตุการณ์ที่ทำนายไว้ระหว่างปี 2516-2531 ตามที่ปรากฏในนิยาย สอดคล้องกับเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นไปแล้วทั้งสิ้น ปริศนาจึงอยู่ที่ปี 2551 ตามคำทำนายของพระคุณเจ้า (ในนิยาย) ว่าจะเป็นจริงหรือไม่

ในปี 2531 อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ประสบชะตาด้วยภัยธรรมชาติ ที่เรียกว่า "อุทกธรณีภัย" คือ น้ำท่วมและแผ่นดินถล่ม ไม้ซุงถูกพัดพามาทับถมบ้านเรือนของประชาชนที่ตำบลกระทูนทั้งหมด และตำบลอื่นอีกมากบ้างน้อยบ้าง ทำให้ประชาชนเสียชีวิต ทรัพย์สิน เป็นจำนวนมากมายมหาศาล ชนิดที่ไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย

20 ปีต่อมา แม้การเลือกตั้งเสร็จสิ้น แต่ก็ยังไร้วี่แววของรัฐบาลจากการเลือกตั้งที่มีความมั่นคง รัฐบาลรักษาการก็นับเวลาลงจากเก้าอี้ ทอดหุ่ยกับปัญหาต่างๆ อย่างน่าใจหาย ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ยิ่งวันก็ยิ่งไม่น่าไว้วางใจ การเพลี่ยงพล้ำในการปฏิรูปการปกครองประเทศ ส่วนสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ทั้งราคาน้ำมัน ค่าเงินที่ผันผวน กำลังซื้อที่หดหาย ประกอบกับความบอบบางของตลาดทุน ล้วนเป็นตัวแปรที่สุ่มเสี่ยงต่อการที่ไทยจะถูกครอบงำทางเศรษฐกิจ และที่มองข้ามไม่ได้ คือ ธุรกิจที่สำคัญของไทยจะถูกยึดครองโดยต่างชาติผ่านทางกองทุนประเภท Sovereign Fund โดยเฉพาะสถาบันการเงินที่มีหลักประกันเป็นอสังหาริมทรัพย์บนผืนแผ่นดินไทย

ปี 2551 นี้ ขอให้คนไทยทุกคนจงหันหน้าเข้าหากัน อย่าได้สร้างเงื่อนไขและเหตุปัจจัยใดๆ ที่จะทำให้นวนิยายเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องจริง!!... (จากคอลัมน์ พอเพียงภิวัตน์) External Link

No comments: